ไบโอดีเซล (Biodiesel) หรือ Fatty acid methyl ester (FAME) คือ น้ำมันที่ผลิตมาจากพืช ซึ่งถือเป็น “เชื้อเพลิงทางเลือก” ที่ผลิตได้จากชีวภาพ เช่น ปาล์ม ทานตะวัน ถั่วเหลือง สบู่ดำ มะพร้าว หรือ ผลิตมากจากไขมันสัตว์หรือน้ำมันที่ผ่านการใช้งานแล้วซึ่งเป็นสารจำพวกไตรกลีเซอไรด์ ก็สามารถนำมาผลิตไบโอดีเซลได้โดยนำมาผ่านกระบวนการทางเคมี
ไบโอดีเซลเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
เริ่มจากขั้นตอนแรก คือ การนำน้ำมันพืชบริสุทธิ์มาผ่านกระบวนการทางเคมี ที่เรียกว่าปฏิกิริยาทรานส์เอสเทอริฟิเคชั่น (Transesterification) ด้วยการเติมสารตระกูลแอลกอฮอล์ เช่น เมทานอล (Methanol) และสารเร่งปฏิกิริยา จะได้เป็นไบโอดีเซล และกลีเซอรอล จากนั้นขั้นตอนสุดท้ายให้ทำการแยกกลีเซอรอลออก ก็จะได้ไบโอดีเซลให้บริสุทธิ์ที่สามารถนำไปใช้งานได้
นั่นก็เป็นเพราะว่าในปัจจุบัน น้ำมันที่ใช้กันอยู่อย่างน้ำมันดีเซล เกิดจากการทับถมของซากพืชซากสัตว์เป็นเวลาหลายล้านปี หรือที่เรียกกันว่าเชื้อเพลิงฟอสซิล (Fossil Fuel) ที่ใช้แล้วหมดไป ไม่สามารถทดแทนหรือหมุนเวียนได้ ซึ่งต่างจากไบโอดีเซลที่ผลิตมาจากพืช เช่น ปาล์ม ทานตะวัน ถั่วเหลือง เรพซีด (Rapeseed) และเมื่อได้ผลิตภัณฑ์ไบโอดีเซลออกมาก็ได้มีการใช้งานไบโอดีเซลโดยเริ่มในปี พ.ศ. 2551 ที่มีชื่อว่าน้ำมัน B2 ด้วยการผสมไบโอดีเซลลงในน้ำมันดีเซล หรือนั่นก็คือใน 100 % ของน้ำมัน B2 จะมี 2% Biodiesel, 98% Petrodiesel และพัฒนามาเรื่อย ๆ จนมาถึง B10 หรือ 10% Biodiesel และ 90% Petrodiesel ในปัจจุบัน
มาตรฐานการควบคุมคุณภาพไบโอดีเซล
USA : ASTM D6751
ASTM หรือ American Society for Testing and Materials เป็นมาตรฐานที่ถูกจัดตั้งโดยประเทศอเมริกา
EU : EN 14214
EN หรือ European standards เป็นมาตรฐานที่ถูกจัดตั้งโดยคณะกรรมการด้านมาตรฐานของสหภาพยุโรป (European Committee for Standardization )
สาเหตุที่ประเทศไทยมีการใช้มาตรฐานทั้ง ASTM และ EN
เนื่องจากภูมิประเทศและภูมิอากาศที่แตกต่างกัน ทำให้แต่ละพื้นที่มีพืชเศรษฐกิจที่ใช้ผลิตไบโอดีเซลแตกต่างกัน จึงส่งผลให้คุณสมบัติของไบโอดีเซลที่ได้มีความแตกต่างกัน ทำให้การตรวจสอบในแต่ละด้านต้องเลือกใช้มาตรฐานให้เหมาะสม เช่น มาตรฐาน ASTM D6751 ใช้กับไบโอดีเซลที่ผลิตจากถั่วเหลือง หรือ มาตรฐาน EN 14214 ใช้กับไบโอดีเซลที่ผลิตจากน้ำมันคาโนลา
โดยน้ำมันไบโอดีเซลในประเทศไทยผลิตมาจากปาล์มเป็นหลัก ซึ่งมีคุณสมบัติที่น่าสนใจ คือ มีอัตราส่วนปริมาณกรดไขมันอิ่ม (Saturated fatty acid) และกรดไขมันไม่อิ่มตัว (Unsaturated fatty acid) แตกต่างกับพืชชนิดอื่น ๆ ดังนั้นการกำหนดมาตรฐานในไทย จึงจำเป็นต้องอ้างอิงมาตรฐานทั้ง ASTM และ EN พิจารณาร่วมกัน ถึงจะได้ประโยชน์สูงสุด
อีกทั้งประเทศไทยยังมีกรมธุรกิจพลังงาน ภายใต้กระทรวงพลังงาน ที่ดำเนินการจัดประชุมในโครงการ “B100 Laboratory Correlation Program” ซึ่งก็คือ การรวบรวมองค์กร ทั้งผู้ผลิตไบโอดีเซล และผู้ให้บริการทดสอบตัวอย่างน้ำมันไบโอดีเซล ทั้ง 16 หน่วยงานมาเป็นผู้ร่วมทดสอบ เพื่อสร้างทิศทางการทดสอบไบโอดีเซลในประเทศไทยให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน อย่างแม่นยำ และน่าเชื่อถือ
อ่านบทความต่อไป : ไบโอดีเซล (Biodiesel) กับมาตรฐานการตรวจวัดคุณภาพที่จำเป็นต้องมี !
https://www.apexchemicals.co.th/blogDetails.php?id=530
บทความนี้จะสมบูรณ์ไม่ได้เลยหากขาดผู้เชี่ยวชาญทางด้านไบโอดีเซลมาเป็นผู้ให้ความรู้ในงานสัมมนา “Exploring Research Challenges and Opportunities in Biodiesel Development” เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2566 ที่ห้องประชุม MR210 BITEC BANGNA
โดยทางบริษัทขอขอบคุณวิทยากรจากทั้ง 3 องค์กรชั้นนำที่มาให้ความรู้ในครั้งนี้
Executive Vice President สายงานปฏิบัติการธุรกิจไบโอดีเซล
บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)
นักวิจัย ทีมวิจัยพลังงานทดแทนและประสิทธิภาพพลังงาน
ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC)
Business Development Manager
Thermo Fisher Scientific