นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัท เอเพกซ์ เคมิเคิล จำกัด (“บริษัท”) ตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดในเรื่องการเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัว และมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งที่จะคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของทุกท่านให้มีความปลอดภัย นโยบายข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้แจ้งให้บุคคลทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับบริษัทได้รับทราบเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติของบริษัทในการจัดเก็บรวบรวมข้อมูล วัตถุประสงค์ในการนำข้อมูลไปใช้ และการเปิดเผยข้อมูลแก่บุคคลที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งสิทธิของเจ้าของข้อมูล เพื่อให้ท่านเกิดความมั่นใจและรับประกันว่าได้รับความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนบุคคลที่เกี่ยวข้องและ/หรือมีความสัมพันธ์กับท่าน เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลให้ได้รับการคุ้มครองสอดคล้องตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 โดยมีสาระสำคัญดังต่อไปนี้

จุดประสงค์ของนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทมีจุดประสงค์แจ้งนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ เพื่อให้ท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งติดต่อมายังบริษัทผ่านช่องทางต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์ในการติดต่อ หรือรับบริการต่างๆ ของบริษัท ทราบถึงความจำเป็น รวมถึงเงื่อนไขต่าง ๆ อันเกี่ยวเนื่องกับการเก็บ รวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ที่บริษัทจำเป็นต้องดำเนินการ

ขอบเขตการบังคับใช้นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล

นโยบายข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ ใช้บังคับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทอาจได้รับการเก็บ รวบรวม ใช้ และเปิดเผย / ส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคล ของกลุ่มบุคคลดังนี้

  1. กลุ่มลูกค้าธุรกิจ ซึ่งครอบคลุมทั้งที่เป็น

    1.1 บุคคลธรรมดา ทั้งที่เป็นลูกค้าปัจจุบัน ในอดีต และอาจเป็นลูกค้าเป้าหมายในอนาคตของบริษัท

    1.2 พนักงาน บุคลากร เจ้าหน้าที่ ตัวแทน ผู้แทน ตัวแทน ผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคล กรรมการ ผู้ติดต่อ และบุคคลธรรมดาอื่นที่กระทำในนามนิติบุคคลซึ่งเป็นลูกค้านิติบุคคลของบริษัท

  2. กลุ่มคู่ค้า คู่สัญญา ซึ่งครอบคลุมทั้งที่เป็น

    2.1 บุคคลธรรมดา ทั้งที่เป็นลูกค้าปัจจุบัน ในอดีต และอาจเป็นลูกค้าเป้าหมายในอนาคตของบริษัท

    2.2 พนักงาน บุคลากร เจ้าหน้าที่ ตัวแทน ผู้แทน ตัวแทน ผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคล กรรมการ ผู้ติดต่อ และบุคคลธรรมดาอื่นที่กระทำในนามนิติบุคคลซึ่งเป็นลูกค้านิติบุคคลของบริษัท

  3. กลุ่มผู้มาติดต่อ และบุคคลภายนอกที่เข้ามาอยู่ภายในและบริเวณโดยรอบสถานที่ของบริษัท ซึ่งจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ในการรักษาความปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน

  4. กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือบุคคลใด ๆ ที่บริษัทอาจรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ในการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม หรือเพื่อการอื่นใด

  5. กลุ่มบุคลากร พนักงาน ซึ่งครอบคลุมทั้งที่เป็นสมาชิกครอบครัว หรือบุคคลอ้างอิงที่พนักงานอ้างถึง

  6. กลุ่มผู้สมัครงาน ซึ่งครอบคลุมทั้งที่เป็นสมาชิกครอบครัว หรือบุคคลอ้างอิงที่ผู้สมัครงานอ้างถึง

คำนิยามที่เกี่ยวข้องนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล

“บริษัท” หมายถึง บริษัท เอเพกซ์ เคมิเคิล จำกัด บริษัทย่อย และบริษัทร่วมของบริษัท

“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ อาทิ ชื่อ นามสกุล ชื่อเล่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ เลขประจำตัวประชาชน เลขหนังสือเดินทาง เลขบัตรประกันสังคม เลขใบอนุญาตขับขี่ เลขประจำตัวผู้เสียภาษี เลขบัญชีธนาคาร เลขบัตรเครดิต ที่อยู่อีเมล ทะเบียนรถยนต์ IP Address, Cookie ID เป็นต้น อย่างไรก็ดี ข้อมูลต่อไปนี้ไม่ใช่ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ข้อมูลสำหรับการติดต่อทางธุรกิจที่ไม่ได้ระบุถึงตัวบุคคล อาทิ ชื่อบริษัท ที่อยู่ของบริษัท เลขทะเบียนนิติบุคคลของบริษัท หมายเลขโทรศัพท์ของที่ทำงาน ที่อยู่อีเมลที่ใช้ในการทำงาน ที่อยู่อีเมลกลุ่มของบริษัท เช่น info@company.co.th ข้อมูลนิรนาม (Anonymous Data) หรือข้อมูลแฝงที่ถูกทำให้ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้อีกโดยวิธีการทางเทคนิค (Pseudonymous Data) ข้อมูลผู้ถึงแก่กรรม เป็นต้น

“ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลที่เป็นเรื่องส่วนบุคคลโดยแท้ของบุคคล แต่มีความละเอียดอ่อนและอาจสุ่มเสี่ยงในการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เช่น เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด

“การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง การเก็บ รวบรวม ใช้ และเปิดเผย / ส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคล

“เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น แต่ไม่ใช่กรณีที่บุคคลมีความเป็นเจ้าของข้อมูล (Ownership) หรือเป็นผู้สร้างหรือเก็บรวบรวมข้อมูลนั้นเอง โดยเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนี้จะหมายถึงบุคคลธรรมดาเท่านั้น และไม่รวมถึง “นิติบุคคล” (Juridical Person) ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย เช่น บริษัท สมาคม มูลนิธิ หรือองค์กรอื่นใด

1. วัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดของท่านอาจได้รับการเก็บ รวบรวม ใช้ และเปิดเผย / ส่งต่อเฉพาะเมื่อมีเหตุผลที่เหมาะสมในการดำเนินการ และ/หรือ ใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมาย โปร่งใส และเป็นธรรมภายใต้ฐานการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามความจำเป็น ซึ่งรวมถึงการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้กับบุคคลภายนอกด้วย

บริษัทจะทำการเก็บ รวบรวม ใช้ และเปิดเผย / ส่งต่อหรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล เพื่อประโยชน์ในการดำเนินงานของบริษัทดังต่อไปนี้

  1. เพื่อประโยชน์ในการจัดหาหรือจำหน่ายผลิตภัณฑ์ การจัดซื้อจัดจ้าง การทำสัญญา การให้หรือรับบริการในรูปแบบต่าง ๆ

  2. เพื่อการทำธุรกรรมทางการเงิน และภาษี ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามสัญญาของบริษัท

  3. เพื่อประโยชน์ในการจัดทำฐานข้อมูล และใช้ข้อมูลเพื่อเสนอสิทธิประโยชน์ต่างๆ หรือเพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์ และนำเสนอบริการ หรือผลิตภัณฑ์ใดๆ ของบริษัท หรือบุคคลที่เป็นผู้จำหน่าย เป็นตัวแทน หรือมีความเกี่ยวข้องกับบริษัท

  4. เพื่อประโยชน์ในการนำมาพัฒนา ปรับปรุงคุณภาพในการดำเนินงาน การให้บริการ การบริหารการตลาด และการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิของบริษัทเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า

  5. เพื่อการวิเคราะห์และติดตามการใช้บริการทางเว็บไซต์ และการตรวจสอบย้อนหลังในกรณีที่เกิดปัญหาการใช้งาน

  6. เพื่อการเข้าร่วม การดำเนินกิจกรรม และการติดต่อประสานงานต่าง ๆ ของบริษัท

  7. เพื่อใช้ในกระบวนการขั้นตอนต่างๆ ในการสรรหาและคัดเลือกผู้สมัครงาน / นักศึกษาฝึกงาน รวมถึงกระบวนการจ้างงาน

  8. เพื่อวัตถุประสงค์ในการควบคุมการเข้าถึง การป้องกันและระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ

  9. เพื่อปกป้องผลประโยชน์โดยชอบของบริษัท ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การรักษาความปลอดภัยของสถานที่และทรัพย์สิน การวิเคราะห์ข้อมูล การรับประกันคุณภาพของบริการ การตรวจสอบของผู้ตรวจสอบทั้งภายในและภายนอก การรักษาความปลอดภัยของเทคโนโลยีสารสนเทศและเครือข่าย

  10. เพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดที่ไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย และ/หรือเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อการดำเนินงานของบริษัททั้งในปัจจุบันและในอนาคต

โดยบริษัทจะจัดเก็บและใช้ข้อมูลดังกล่าวตามระยะเวลาเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งเจ้าของข้อมูลหรือตามที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น

บริษัทจะไม่กระทำการใด ๆ แตกต่างจากที่ระบุในวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมข้อมูล เว้นแต่

  1. ได้แจ้งวัตถุประสงค์ใหม่ให้แก่เจ้าของข้อมูลทราบ และได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล

  2. เป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลส่วนบุคคล หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

2. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยมี วัตถุประสงค์ ขอบเขต และใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม โดยในการเก็บรวบรวมนั้นจะทำเพียงเท่าที่จำเป็นแก่การดำเนินงานภายใต้วัตถุประสงค์ของบริษัทเท่านั้น ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการให้เจ้าของข้อมูล รับรู้ ให้ความยินยอมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือตามแบบวิธีการของบริษัท กรณีที่บริษัทจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวของเจ้าของข้อมูล บริษัทจะขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลโดยชัดแจ้งก่อนทำการเก็บรวบรวม เว้นแต่การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวจะเข้าข้อยกเว้นตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือกฎหมายอื่นกำหนดไว้

ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการประมวลผล

บริษัทอาจมีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังต่อไปนี้

  1. 1. ข้อมูลส่วนตัว ได้แก่ ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด สถานภาพ ข้อมูลตามที่ระบุในบัตรประจำตัวประชาชนและหนังสือเดินทาง สำเนาบัตรประชาชน หรือหมายเลขบัตรประชาชน

  2. 2. ข้อมูลติดต่อ ได้แก่ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ Line ID ช่องทางติดต่อในสื่อสังคมออนไลน์ สถานที่ทำงาน

  3. 3. ตำแหน่งงาน หน่วยงานหรือองค์กร

  4. 4. ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานระบบอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ Email หมายเลขไอพี (IP Address) ประเภทของโปรแกรมบราวเซอร์ (Browser) และคุกกี้ (Cookies) ประวัติการสนทนาในแอปพลิเคชันต่าง ๆ

  5. 5. ข้อมูลที่ท่านได้ให้ไว้เมื่อท่านติดต่อ หรือร่วมกิจกรรมใด ๆ กับบริษัท เป็นต้น

แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจะประมวลผล

บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าจากแหล่งที่มา ดังนี้

  1. 1. ได้รับโดยตรงจากเจ้าของข้อมูล ที่ติดต่อหรือนำส่งมายังบริษัท ผ่านแต่ละช่องทางการติดต่อ การเข้าทำสัญญา หรือเอกสารธุรกรรมต่าง ๆ

  2. 2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทอาจได้รับจากข้อมูลสาธารณะ (Public Records) และที่ไม่ใช่สาธารณะ (Non-Public Records) ที่บริษัทมีสิทธิเก็บรวบรวมได้ตามกฎหมาย หรือ

  3. 3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทอาจได้รับจากบุคคลอื่น (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ตัวแทนจำหน่ายสินค้า) ที่อาจให้คำแนะนำมา ซี่งในกรณีดังกล่าวบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงแหล่งที่มาของข้อมูลดังกล่าว

3. การเปิดเผยหรือส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

โดยหลักการบริษัทจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไปให้บุคคลใดโดยปราศจากความยินยอม และจะเปิดเผยตามวัตถุประสงค์ที่ได้มีการแจ้งไว้ อย่างไรก็ดี เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของบริษัทและการให้บริการแก่เจ้าของข้อมูล บริษัทอาจมีความจำเป็นในการเปิดเผยและ/หรือส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลเจ้าของข้อมูล ให้แก่บริษัทในเครือ หรือบุคคลอื่นทั้งในและต่างประเทศ เช่น ผู้ให้บริการต่าง ๆ ที่ต้องดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล โดยในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการให้บุคคลเหล่านั้นเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้เป็นความลับ และไม่นำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากขอบเขตที่บริษัทได้กำหนดไว้

นอกจากนี้ บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล ภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด เช่น การเปิดเผยข้อมูลต่อหน่วยงานราชการ หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล รวมถึงในกรณีที่มีการร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย เช่น การร้องขอข้อมูลเพื่อการฟ้องร้องหรือดำเนินคดีตามกฎหมาย หรือการร้องขอจากหน่วยงานเอกชน หรือบุคคลภายนอกอื่น ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย

ทั้งนี้ ในกรณีที่ต้องมีการโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ บริษัทดำเนินการตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด

4. มาตรการความปลอดภัยสำหรับข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นสิ่งสำคัญ จึงได้กำหนดให้มีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับกระบวนการเก็บรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยที่

1) บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เท่าที่จำเป็นตามสมควรเพื่อบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้ โดยจะพิจารณาระยะเวลาที่เหมาะสมในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากระยะเวลาตามสัญญา อายุความตามกฎหมาย รวมถึงความจำเป็นที่ต้องเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

2) บริษัทจะจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างเหมาะสม ไม่ว่าในรูปแบบของเอกสาร ระบบคอมพิวเตอร์และรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงเครื่องมือต่าง ๆ ที่ บริษัทใช้เพื่อรักษาความปลอดภัยในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน นอกจากนี้บริษัทจะจัดให้มีการทบทวนมาตรการดังกล่าวเมื่อมีความจำเป็นในกรณีที่เทคโนโลยีมีเปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยที่สูงสุด

เราขอให้ท่านมั่นใจในมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทที่มีความเหมาะสมและเป็นไปตามระบบมาตรฐาน เพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้ที่ไม่มีสิทธิหรือหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลนั้นโดยมิได้รับอนุญาต ตลอดจนการป้องกันมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ทั้งนี้ บริษัทมีมาตรการจำกัดการเข้าถึงและใช้เทคโนโลยีในการรักษาความปลอดภัยในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อป้องกันมิให้มีการเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์หรือระบบอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงเมื่อมีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่บุคคลภายนอกที่ดำเนินการประมวลผลหรือแก่ผู้ประมวลผลข้อมูล บริษัทจะดำเนินการกำกับดูแลให้บุคคลนั้นดำเนินการอย่างเหมาะสมให้เป็นไปตามคำสั่งต่อไป

5. ระยะเวลาการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้ระบุไว้ในคำประกาศฉบับนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่ใช้กำหนดระยะเวลาเก็บ ได้แก่ ระยะเวลาที่บริษัทยังมีความสัมพันธ์กับท่าน และอาจเก็บต่อไปตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามอายุความทางกฎหมาย เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมายหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อเหตุอื่นตามนโยบายและข้อกำหนดภายในของบริษัทฯ

ในกรณีที่ไม่สามารถระบุระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวม (เช่น อายุความตามกฎหมายทั่วไปสูงสุด 10 ปี)

6. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทเคารพสิทธิตามกฎหมายของลูกค้าหรือตัวแทนในฐานะเจ้าของข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในการควบคุมของบริษัท โดยท่านสามารถขอใช้สิทธิที่มีดังต่อไปนี้ได้ตามกรอบของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

1) สิทธิขอถอนความยินยอม (right to withdraw consent)
หากท่านได้ให้ความยินยอม เราจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดเวลา

2) สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล (right to access)
ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความรับผิดชอบของเรา และขอให้เราทำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้เราเปิดเผยที่มาการได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

3) สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล (right to data portability)
ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่เราได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้เราส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่เราส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค

4) สิทธิขอคัดค้าน (right to object)
ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในเวลาใดก็ได้ หากการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ทำขึ้นเพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของเราหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น โดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผลหรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์

5) สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล (right to erasure/destruction)
ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือเห็นว่าเราหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือเมื่อท่านได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว

6) สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล (right to restriction of processing)
ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่เราอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของท่านหรือกรณีอื่นใดที่เราหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่ท่านขอให้เราระงับการใช้แทน

7) สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล (right to rectification)

8) สิทธิร้องเรียน (right to lodge a complaint)
ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ท่านสามารถใช้สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้นได้ โดยติดต่อมาที่เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเราตามรายละเอียดท้ายนโยบายนี้ เราจะแจ้งผลการดำเนินการภายในระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันที่เราได้รับคำขอใช้สิทธิจากท่าน ตามแบบฟอร์มหรือวิธีการที่เรากำหนด ทั้งนี้ หากเราปฏิเสธคำขอเราจะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้ท่านทราบผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น ข้อความ (SMS) อีเมล โทรศัพท์ จดหมาย เป็นต้น

7. การแจ้งเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล

ในกรณีที่มีเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเกิดขึ้น บริษัทจะแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทราบโดยไม่ชักช้าภายใน 72 ชั่วโมง นับแต่ทราบเหตุเท่าที่สามารถกระทำได้ ในกรณีที่การละเมิดมีความเสี่ยงสูงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของท่าน บริษัทจะแจ้งการละเมิดให้ท่านทราบพร้อมกับแนวทางการเยียวยาโดยไม่ชักช้าผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ ข้อความ (SMS) อีเมล โทรศัพท์ จดหมาย เป็นต้น

8. การใช้คุกกี้

คุกกี้ หมายถึง ไฟล์ข้อความขนาดเล็กซึ่งประกอบด้วยตัวอักษรและตัวเลข ที่บริษัทจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์หรือฮาร์ดดิสก์ของคอมพิวเตอร์ของท่าน แท็บเล็ตของท่าน หรืออุปกรณ์สื่อสารพกพาของท่าน บริษัทอาจเก็บข้อมูลของท่านผ่านทางคุกกี้เหล่านี้ เมื่อท่านเข้าชมเว็บไซต์ของบริษัท

คุกกี้บางส่วนมีความจำเป็นเพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้อย่างเหมาะสม และบางส่วนเป็นคุกกี้ที่มีไว้เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้าชมเว็บไซต์สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นโยบายการใช้คุกกี้ของบริษัท

9. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทมีการพิจารณาทบทวนและอาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ตามความเหมาะสมอยู่เป็นระยะ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับความคุ้มครองอย่างเหมาะสม ในกรณีที่นโยบายนี้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบด้วยการเผยแพร่ผ่านช่องทางที่เหมาะสม กรณีเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงที่เป็นการลิดรอนสิทธิของท่านในส่วนของข้อมูลที่ละเอียดอ่อนตามนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ บริษัทจะดำเนินการเพื่อขอความยินยอมจากท่านก่อน เว้นแต่เป็นกรณีที่กฎหมายกำหนดเป็นอย่างอื่น

ปัจจุบันนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ถูกทบทวนครั้งล่าสุดและมีผลบังคับใช้ ณ วันที่ 25 พฤษภาคม 2565

10. รายละเอียดการติดต่อ

ท่านสามารถติดต่อสอบถามเกี่ยวกับนโยบายฉบับนี้ หรือติดต่อเพื่อใช้สิทธิที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ โดยบริษัทจะแจ้งผลการพิจารณาคำร้องของท่านให้ทราบภายในระยะเวลาที่เหมาะสมตามกรอบกฎหมาย

ในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โปรดติดต่อบริษัทได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้

บริษัท เอเพกซ์ เคมิเคิล จำกัด
ที่อยู่: 2034/87 อาคารอิตัลไทย ทาวเวอร์ ชั้นที่ 19 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร
Email: admin@apexchemicals.co.th
Website: https://www.apexchemicals.co.th/
หมายเลขโทรศัพท์: 02-038-9999