แอมโมเนีย & ปาท่องโก๋ | ApexChem Blog แอมโมเนีย & ปาท่องโก๋ | ApexChem Blog Apex Chemicals
แอมโมเนีย & ปาท่องโก๋
Posted on 20 Nov 2017

สวัสดีจ้าาา วันนี้เรามากับหัวข้ออร่อยๆ อาหารเช้า ที่ทุกๆคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

ใช้แล้วจ้าา เรากำลังจะมาพูดกันถึง " ปาท่องโก๋ " นั่นเอง...

ในปัจจุบันรูปแบบการใช้ชีวิตในสังคมเมืองที่เปลี่ยนไป ผู้คนเร่งรีบเพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ของตัวเอง เด็กนักเรียนเตรียมตัวเดินทางไปเรียน หนุ่มสาว รีบเดินทางไปทำงาน อาหารเช้าเป็นอาหารมื้อสำคัญมากที่สุดของมนุษย์แต่กลับถูกมองข้ามมากที่สุด เช่นกัน  เราให้ความสำคัญกับการอ่านคอมเมนต์และกด LIKE ข้อความโดนๆบนสมาร์ทโฟนมากกว่าดูแลสิ่งที่เรายัดลงกระเพาะอาหารซะอีก ซึ่งมันก็ไม่ผิดหรอก เพราะใครๆก็ทำแบบนี้กัน แค่ดื่มกาแฟ หยิบกาท่องโก๋กลิ่นเหม็นหืนใส่ปาก แล้วขับรถออกไปหาหาสตางค์ แล้วปาท่องโก๋มาเกี่ยวอะไรด้วยกับเรื่องนี้?

เมื่อพูดอาหารเช้า หลายๆคนคงนึกถึงเจ้าแป้งทอด 2 ขา มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน ถูกสร้างขึ้นจากความรู้สึกของชาวบ้านที่เกลียดชังขุนนางกังฉินกับภรรยาของเขา โดยใช้แป้งประกบกันเป็นตัวแทนของขุนนางดังกล่าวแล้วทอดกิน ถ้าเราหยิบปาท่องโก๋ขึ้นมาดมและพินิจพิเคราะห์ดูจะพบว่ามันมีกลิ่นเหมือน แอมโมเนีย (คล้ายกลิ่นฉี่) บ้างก็ว่ากลิ่นเยี่ยวอูฐโชยออกมา ซึ่งกระตุ้นต่อมความสงสัยว่า

แอมโมเนียไปอยู่ในปาท่องโก๋ที่เรากินได้อย่างไร?

เท้าความไปถึงการทำขนมปังแบบสูตรของฝรั่งจะมีการใส่ยีสต์ (จุลินทรีย์ชนิดหนึ่ง) ลงไปในแป้งเพื่อทำหน้าที่ย่อยแป้งให้เป็นน้ำตาล โดยมีผลพลอยได้เป็นแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เกิดขึ้น ซึ่งแก๊สนี้จะทำให้เกิดช่องอากาศเล็กๆกระจายทั่วเนื้อแป้ง เวลาที่นำไปอบ จะได้ขนมปังที่นุ่มและฟูขึ้นมา

สำหรับสูตรการทำปาท่องโก๋ ก็มีการดัดแปลงทั้งแบบไทยบ้าง จีนบ้าง บางแห่งจะใช้ผงฟูหรือโซเดียมไบคาร์บอเนต(NaHCO3) ควบคู่กับการใช้ยีสต์ บางแห่งก็ใช้ แอมโมเนียมไบคาร์บอเนต (NH4HCO3) ซึ่งเจ้าตัวหลังนี้มีราคาถูกกว่าผงฟู บางท่านก็ว่าคนทำปาท่องโก๋อยากลดต้นทุนเลยใส่ตัวหลังนี้แทน แต่อย่างไรก็ตามแอมโมเนียมไบคาร์บอเนตมีส่วนช่วยทำให้อาหารขึ้นฟูเป็นหลัก และเพิ่มความกรอบเข้ามาด้วย และถ้าถูกความร้อนจะเกิดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำเช่นเดียวกับผงฟู แต่ส่วนที่เพิ่มขึ้นมาอีกก็คือมีแก๊สแอมโมเนีย(NH3)ผสมเกิดขึ้นด้วย หากในปาท่องโก๋ที่ใส่แอมโมเนียมไบคาร์บอเนตมากเกินไป อาจทำให้แก๊สแอมโมเนียระเหยออกไม่หมดขณะทอดปาท่องโก๋และอาจตกค้างอยู่ใน เนื้อแป้ง ซึ่งก็เป็นที่มาของ “กลิ่นฉุน” นั่นเอง

 

พิษของแอมโมเนีย

จะทำให้เกิดอาการระคายเคืองระบบทางเดินทางเดินหายใจ หากได้รับติดต่อกันเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดหลอดลมอักเสบได้ แต่ก็อย่าเพิ่งกังวลใจไปจนเลิกกินปาท่องโก๋กันนะคะ เพราะอาการก็ขึ้นกับปริมาณและระยะเวลาที่ได้รับ ดังนั้น อาจจะเป็นข่าวดีก็ได้นะที่เราจะได้หยุด และหายใจช้าๆ มองสิ่งรอบๆตัวดวงสายตาที่เต็มตื่นมากขึ้น พีถีพิถัน ประณีตกับการใช้ชีวิต มองสิ่งที่สัมพันธ์กับตัวเราให้มากกว่าที่เราคิดว่าจะเห็น เพราะปาท่องโก๋ก็ยังเป็นปาท่องโก๋อยู่แบบนั้น มีกลิ่นฉุนๆ อยู่ แต่สิ่งที่ต่างกันคือ เรานั่งทานมันเป็นคู่ๆกับคนที่เรารักพร้อมกับรอยยิ้มในเช้าวันใหม่ ^^

 

ขอขอบรูปภาพจาก...

1. กระทู้ "ปาท่องโก๋" สูตรไกลบ้าน ง่ายๆใครก็ทำได้จ้า... (https://pantip.com/topic/31216238)